|
ตอนที่ 24
เย็นนั้น...อนงค์หน้าตาตื่นเปิดประตูเข้ามาในห้องของอาทิตย์
“น้า...น้า..ฉันมีข่าวดีมาบอก”
บวรหันมาทำท่าทางจุ๊ปากบอกให้อนงค์เบาๆเพราะอาทิตย์นอนอยู่ อนงค์หันมาทางเจ้านายที่นอนลืมตาอยู่สำรวมอาการลงนิดหนึ่งแต่ก็ยังดีใจ
“นงค์ขอโทษค่ะที่ทำเสียงดัง แต่นงค์กลั้นไม่ไหวค่ะ ข่าวดีค่ะ”
บวรสนใจ อาทิตย์มอง
“คุณเชตฟื้นแล้วค่ะ”
บวรกระโดดตัวลอยดีใจกอดอนงค์ อาทิตย์ดีใจแสดงออกได้เพียงน้ำตาแห่งความดีใจที่ลูกชายกลับคืนมา บวรเห็นอาทิตย์น้ำตาเอ่อหยุดมองอนงค์มองตามสงสารเจ้านาย อนงค์รีบเข้ามาใกล้เตียงแล้วย่อตัวบอกกับเจ้านาย
“ตอนนี้หมอกำลังเช็คร่างกายคุณเชตอยู่ค่ะ คุณผู้ชายดีใจใช่มั้ยคะ”
อาทิตย์นอนน้ำตาเอ่อดีใจ อนงค์กับบวรยิ้มให้กันอย่างมีความสุข
หลวงปู่ส่งห่อผ้าใส่กระดูกให้เนตรอัปสร ที่ยังได้รับบาดเจ็บจากการทำร้ายของเฟื่อง
“ตอนนี้วิญญาณนี้จะอ่อนแรง ไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว”
“แล้วพวกเราต้องทำยังไง กับกระดูกนี่อีกหรือเปล่าคะ” เนตรอัปสรสงสัย
“ส่วนกระดูกนี่เก็บรักษาไว้ให้ วิญญาณของกระดูกนี้จะสลายไปก็ต่อเมื่อได้ทำพิธีเผากระดูก”
“งั้นเราเผาเลยได้ไหมคะ” ปารมีถามบ้าง
“ไม่ได้หรอก การเผาต้องเกิดจากการยินยอมของเจ้าของกระดูกซะก่อนไม่งั้นก็ไม่สามารถ ทำอะไรดวงวิญญาณนั้นได้”
ทุกคนอึ้ง เนตรอัปสรถามหลวงปู่
“แล้วต้องทำยังไงวิญญาณของเขาถึงจะยอมล่ะคะ”
“จิตเขาผูกอยู่กับใครก็คนนั้นแหละที่จะทำได้ หน้าที่ของอาตมาแล้ว”
เนตรอัปสรรู้ได้เลยว่าเชตะวันเท่านั้นที่จะทำได้ แล้วทันใดนั้นหลวงปู่ก็หายตัวไปต่อหน้าทุกคน เนตรอัปสรลุกขึ้นมองหาหลงปู่ แต่ด้วยอาการที่แย่อยู่ ทำให้เธอทรุดลงอ่อนแรง หมอก้องเข้าดูอาการ
“นะโมอาการไม่ดีเลย เรารีบออกจากป่านี้ก่อนที่จะค่ำกันเถอะ”
ปารมีช่วยหมอก้องประคองเนตรอัปสรกลับ
พายัพโกรธจัดหันไปต่อว่าสิทธิ์กับแซลลี่
“มันเกิดอะไรขึ้น ฉันให้ไปขโมยกระดูกผีจากไอ้พวกนั้น แต่กลับได้มาเป็นกิ่งไม้แบบนี้”
สิทธ์เดินไปหยิบกระเป๋าปารมีแล้วอธิบายให้พายัพฟัง
“ผมกับแซลลี่เห็นกับตาว่าพวกมันใส่กระดูกผีไว้ในกระเป๋านี้จริงๆนะครับ พวกเราถึงขโมยมาให้หรือว่ามันต้องรู้แผนของเรามันก็เลยป้องกัน เอากิ่งไม้มาเปลี่ยนแบบนี้แล้วเราจะทำยังไงดีครับ พี่พายัพ”
“แซลลี่ไม่ไหวที่จะกลับไปเอากระดูกผีคืนแล้วนะคะ แซลลี่กลัว”
หมอผีนั่งอยู่หน้าปรำพิธีที่ครุ่นคิดอยู่ก่อนพูดโพล่งขึ้นมา
“หยุดพูดกันได้แล้ว วิญญาณที่ว่ามันยังไม่ดับสลายหรอก”
พายัพหันมาสงสัย
“ถ้าวิญญาณของมันยังไม่ดับสลาย แล้วทำไมไอ้เชตมันถึงฟื้น ขึ้นมาได้ล่ะ”
หมอผีคิดๆ
“กระดูกผีตัวนั้นยังไม่ถูกทำลาย มันแค่ถูกครอบวิญญาณไว้เท่านั้น”
แซลลี่กับสิทธิ์กลัวๆ
“แล้วอย่างงี้วิญญาณอีผีบ้านั่นมันจะกลับมาอีกมั้ยคะ”
“มันกลับมาไม่ได้หรอก”
แซลลี่ถอนหายใจโล่งอก
“เฮ้อ...ค่อยยังชั่ว”
“นี่เท่ากับว่าฉันทำอะไรไอ้เชตไม่ได้แล้วงั้นเหรอ...โธ่เว้ย”
หมอผีคิดๆ
“มันก็มีทางอยู่เหมือนกัน”
พายัพและทุกคนหันมอง
“อะไรล่ะอาจารย์”
“มันจะกลับมาก็ต่อเมื่อเราเอากระดูกมันมาทำพิธีปลุกผี ให้วิญญาณของมันตกเป็นทาสของเรานะสิ”
พายัพคิดตามตาวาวเป็นประกาย
ค่ำนั้น แซลลี่ พงษ์ สิทธิ์นั่งมองพายัพที่ยืนเหม่อๆใช้ความคิด
“นาย...ตกลงนายจะทำตามที่อาจารย์คงบอกเหรอครับ” พงษ์ถามขึ้น
พายัพคิดเครียดแล้วหันมา
“ใช่...ฉันจะปลุกวิญญาณอีผีนั่นขึ้นมา”
ทุกคนผวา สิทธิ์หวาดๆ
“มันจะดีเหรอครับพี่ ผีนั่นมันน่ากลัวมากนะครับ”
แซลลี่ตื่นกลัว
“ใช่ค่ะ มันน่ากลัวจริงๆ แซลลี่เจอมากับตัวเลยล่ะ อย่าไปยุ่ง กับมันเลยนะคะ ปล่อยให้มันอยู่แบบนั้นน่ะดีแล้วค่ะ”
“ยิ่งมันน่ากลัวมากเท่าไหร่ ไอ้เชตมันก็ใกล้ความตายมาก เท่านั้น ฉันจะใช้มันทำลายไอ้เชตไปให้พ้นทางของฉัน”
“แต่ถ้าเจ้านายคิดจะปลุกผีตัวนี้ขึ้นมาก็ต้องเอากระดูกผีจริงๆ มาให้ได้นะครับ” พงษ์แนะ
“ใช่ ฉันจะต้องเอากระดูกผีมาให้ได้ตอนนี้กระดูกอีผีนั่น ต้องอยู่กับพวกมันแน่ๆ”
สิทธิ์กับแซลลี่มองหน้ากัน
“ถ้างั้นคงต้องรีบตามกลับไปเอาที่รีสอร์ทแล้วละครับ พวกมันต้องกลับไปที่รีสอรท์แน่ๆเพราะข้าวของมันยังอยูที่นั่นกันครับ”
พายัพได้ยินค่อยๆยิ้มมีแผนการร้าย
“ที่รีสอร์ท...”
ปารมี พยุงเนตรอัปสรเข้ามาในห้องพัก หมอก้องถือห่อผ้าที่ใส่กระดูกตามเข้ามา ปารมีพาเนตรอัปสรลงนั่งที่เตียง ดาลัดถือกล่องใส่ยาเล็กๆตามมา
“กล่องยามาแล้วค่ะ ใครเป็นอะไรเหรอคะ”
ดาลัดตรงมาที่เตียงเห็นเนตรอัปสรหน้าซีดอยู่ มีแผลถลอกๆโดนกิ่งไม้ถากเล็กๆแถวๆแขนที่เสื้อปิดได้ก็ถามอย่างสงสัย
“คุณเนตรไปโดนอะไรมาคะ”
“โดนกิ่งไม้ในป่าเกี่ยวมาน่ะค่ะ” ปารมีบอก
“โถ...เลยเจ็บตัวเลย แล้วได้เจอหลวงปู่มั้ยคะ”
“เจอค่ะ”
ดาลัดท่าทางหวาดๆ
“แล้วเอ่อ...ผี...ที่ว่าล่ะคะ”
ทันใดนั้น เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ดาลัดและทุกคนสะดุ้ง ดาลัดตกใจ เนตรอัปสรควานหามือถือในกระเป๋าแล้วกดรับสาย
“ฮัลโหล”
อนงค์พูสายน้ำเสียงตื่นเต้นดีใจ
“คุณพยาบาล พี่นงค์เองค่ะ”
“มีอะไรเหรอคะ”
“คุณเชตรู้สึกตัวแล้วนะคะ”
เนตรอัปสรดีใจ
“จริงเหรอคะพี่นงค์ คุณเชตฟื้นแล้วเหรอคะ”
เนตรอัปสรดีใจน้ำตาไหล ฟังที่อนงค์เล่า
“จริงๆค่ะ ตอนนี้คุณหมอกำลังตรวจเช็คร่างกายคุณเชตอยู่ค่ะ คุณ พยาบาลรีบกลับมานะคะ”
“ค่ะ เนตรจะรีบกลับไปนะคะ”
อนงค์วางสายไป เนตรอัปสรดีใจบอกกับทุกคน
“คุณเชตฟื้นแล้ว พวกเราทำสำเร็จแล้ว...ขอบคุณนะทุกคน”
ปารมีเข้าไปดีใจกับเพื่อน
“ดีใจด้วยนะโม...”
ดาลัดยิ้มโล่งใจ
“แบบนี้แสดงว่าพวกคุณปราบผีได้แล้วน่ะสิคะ...ดีจังต่อไปฉันจะได้ไม่ต้องระแวงอีก ดีใจกับคุณเชตจริงๆ”
เนตรอัปสรดีใจจนลืมว่าตัวเองบาดเจ็บกอดกับปารมี หมอก้องมองอมยิ้มแต่ในใจแอบน้อยใจ
“ผมว่านะโมควรทำแผลก่อนดีกว่านะครับ”
หมอก้องเดินถือกล่องยาเข้ามา ปารมีหันมองหมอก้องคว้ากล่องยามาถือ
“มานี่ฉันทำแผลให้นะโมเอง”
ปารมีจัดแจงทำแผลใส่ยาแปะผ้าพันแผลที่แขนให้เนตรอัปสร หมอก้องได้แต่มอง เก้อๆไม่รู้จะทำอะไรเหลือบเห็นห่อใส่กระดูกที่วางอยู่มองหากล่องใส่จึงหันไปถามดาลัด
“เอ่อคุณดาลัดครับที่นี่พอจะมีกล่องเล็กๆสักกล่องมั้ยครับ ผมจะเอามาใส่กระดูกนี่หน่อยน่ะครับ”
ดาลัดมองห่อผ้าตกใจ
“กระดูกผีอยู่ในนั้นเหรอคะ”
หมอก้องพยักหน้า ดาลัดหลอนๆ
“ได้ค่ะเดี๋ยวพี่รีบไปเอามาให้นะคะ”
“ขอบคุณครับ”
ดาลัดมองที่ห่อกระดูก หลอนๆ รีบออกไป ผีเดือนโผล่เป็นตัวจางๆที่ประตูหน้าห้องเพราะหมดเรี่ยวแรงจากฤทธิ์ของพระที่เนตรอัปสรสวมให้ปารมี ผีเดือนมองกระดูกเฟื่องอย่างสงสาร
“คุณหนูของบ่าว”
ดาลัดรื้อหากล่องกระดาษในห้องทำงานที่รีสอร์ท จนได้กล่องใส่เอกสารมีฝาปิดใบหนึ่ง
“อันนี้น่าจะใช้ได้”
ดาลัดจะเดินออกเสียงมือถือดังขึ้น เธอรีบหยิบมาดูเบอร์เห็นเป็นเบอร์ของพายัพ
“สวัสดีค่ะคุณพายัพ”
พายัพเดินออกมาที่หน้าบ้านมีพงษ์นั่งอยู่ไม่ไกลนัก
“ผมได้ข่าวว่าพยาบาลของเชตกับเพื่อนๆ มาพักที่รีสอร์ทใช่มั้ยครับ”
“ใช่ค่ะ มากันตั้งแต่เมื่อวานแล้วค่ะ นี่ก็เพิ่งจะกลับกันมาจาก ในป่าคุณพยาบาลบาดเจ็บมาด้วยนะคะ...ว่าแต่ คุณพายัพถามทำไมเหรอคะ”
พายัพนึกหาคำตอบ
“เอ่อ...คือ...ว่าจะโทรบอกคุณดาลัดตั้งแต่เมื่อวานว่าให้ช่วยดูแลหน่อยน่ะครับ”
“อู๊ย...ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะเรื่องเทคแคร์ดูแล ดาลัดถนัดค่ะ”
พายัพหลอกถาม
“เอ่อ...ไม่รู้ว่าคุณพอจะเห็นพวกคุณเนตรถือของอะไรกลับเข้ามากันบ้างไหมครับ”
“ก็เห็นแต่กระเป๋าที่เขาถือกันไปส่วนของอย่างอื่นก็ไม่เห็นมีนะคะ....อ้อ...มีอีกอย่างที่เห็นคือห่อที่ใส่กระดูกผีนี่แหละค่ะที่ดาลัดต้องมาหากล่องไปให้เขาใส่”
พายัพตาลุกวาว
“เดี๋ยวนะ...กระดูกผีใช่มั้ย”
ดาลัดแหยงๆ
“ค่ะ คุณที่เป็นหมอเขาบอกอย่างงั้นน่ะค่ะ”
“คุณดาลัด...คุณฟังผมนะ ห่อกระดูกที่ว่าน่ะมันเป็นของอัปมงคล ยิ่งอยู่ในรีสอรท์นานๆจะไม่ดี”
“ตายแล้ว...แล้วดาลัดจะทำไงล่ะคะ”
“งั้นคุณรีบเอาออกมาให้ผมทีแต่อย่าให้พวกนั้นรู้ตัวนะ”
“ทำไมล่ะคะ”
“เพราะผมเป็นห่วงไม่อยากให้ใครเดือดร้อน...คุณช่วยเอามันมาให้ผมหน่อย เอากระดูกนี่มาแล้วก็หาอย่างอื่นใส่ในกล่องแทนพวกนั้นจะได้ไม่สงสัย”
ดาลัดหน้าตาตื่นๆกลัวๆ
“แล้วจะให้ฉันเอาไปให้คุณที่ไหนล่ะค่ะ”
“ท้ายรีสอร์ทแล้วกันผมจะไปรอที่นั่น”
“ก็ได้ค่ะ”
พายัพวางหูหันไปทางพงษ์
“ไปไอ้พงษ์ไปหาเหยื่อกันดีกว่า”
แซลลี่เพิ่งโผล่มาพอดีได้ยินดี เห็นพายัพกับพงษ์เดินออกไป แซลลี่คิดๆ
“เหยื่อ...ใครกัน ไม่ยอมเข้ามาบอกเราก่อนออกไปด้วย แอบตามไปดูดีกว่า”
แซลลี่อยากรู้สะกดรอยตามพายัพกับพงษ์ไป
ตาลัดถือกล่องเข้ามาในห้องพร้อมด้วยถุงขยะดำๆที่ใส่ห่อผ้าอีกอันไว้เห็นหมอก้อง กับ ปารมีดูแลเนตรอักสรอยู่ ดาลัดมองที่ห่อกระดูกที่วางอยู่แล้วเริ่มทำตามที่พายัพบอก
“กล่องมาแล้วค่ะ”
หมอก้องหันมา ดาลัดรีบพูดต่อ
“เดี๋ยวพี่เก็บให้ก็ได้ค่ะ ห่อผ้าตรงนั้นใช่มั้ยคะ”
“ใช่ครับ ขอบคุณนะครับ”
ดาลัด ยิ้มให้
“ไม่เป็นไรค่ะ”
ดาลัดรีบเดินไปที่ห่อผ้าสีขาว เอาตัวบังไม่ให้ 3 คนนั้นเห็น ดาลัดรีบเอาห่อห่อผ้าที่เตรียมมาจากถุงขยะดำยัดใส่ในกล่องแล้วรีบเอา ห่อกระดูกใส่กลับเข้าถุงดำแทน เธอทำไประแวดระวังไวไปกลัวคนเห็นแล้วเอาเทปปิดกล่องให้เรียบร้อยเช็ดเหงื่อระงับความตื่นเต้นก่อนที่จะบอกทุกคน
“เรียบร้อยแล้วค่ะ เอากล่องไว้ตรงไหนดีคะ”
“เดี๋ยวผมจัดการเองครับ...ขอบคุณนะครับ”
“งั้นพี่วางไว้ตรงนี้นะคะ...พวกคุณอยากได้อะไรเพิ่มอีกมั้ยคะ”
ปารมียิ้มให้
“ไม่แล้วล่ะค่ะ...ขอบคุณมากค่ะ”
“งั้นพี่ไปทำงานต่อก่อนนะคะ” ดาลัดมองเนตรอัปสรที่นอนหมดเรี่ยวแรง อยู่ยิ้มให้ “หายไวๆนะคะคุณเนตร”
เนตรอัปสรยิ้มรับ
“ขอบคุณค่ะ”
ดาลัดรีบออกไปในมือกำถุงดำไว้แน่น เดินออกไป
แซลลี่สะกดรอยตามพายัพมา เดินมาตามทางในป่าท้ายรีสอร์ท พายัพกับพงษ์ยืนรอที่จุดนัดหมาย แซลลี่แอบฟัง พายัพชะเง้อมองหาดาลัดยังไม่มาสักที
“ช้าจังทำไมยังไม่มาอีกนะ”
“นายว่ายัยดาลัดจะทำสำเร็จเอากระดูกผีนั่นมาให้เราได้เหรอครับ”
“ต้องได้สิ ยัยดาลัดหน้าโง่พอมันรู้ว่ากระดูกผีเป็นอัปมงคล มันก็คงรีบแจ้นเอาออกมาจากรีสอร์ททันทีแหละ”
ดาลัดเข้ามาพอดี กำลังจะเรียกก็ได้ยินเสียงสองคนพูดถึงตนจึงหยุดแอบฟัง
“ถ้าเราได้กระดูกผีนี้มาเมื่อไหรละก็่ ไอ้เชต มันตายแน่ ฉันจะทำพิธีปลุกวิญญาณอีผีตัวนั่นให้ไปฆ่ามันเอง”
พายัพหน้าตาร้ายกาจ
ดาลัดแอบฟังตกใจคิดไม่ถึงว่าพายัพจะร้ายขนาดนี้
“ตอนนี้ก็รอแค่กระดูกผี ถ้านังดาลัดหน้าโง่เอามาให้เราได้แผนเราก็จะสำเร็จ” พายัพหันไปมองพงษ์ “ถึงเวลานั้นแกรู้ใช่มั้ยว่าจะจัดการกับนังดาลัด หน้าโง่นั่นยังไง”
พงษ์พยักหน้า ทำท่าปาดคอให้พายัพเห็นสองคนหัวเราะชอบใจ
“พ่อฉันยังทำให้พิการเลย แล้วประสาอะไรกับลูกจ้างแก่ๆในรีสอร์ทวะ”
ดาลัดซีดเผือดลงทันที ก้มมองถุงดำที่ถืออยู่ในมือ กลัวตาย
“จะฆ่าฉันงั้นเหรอ”
ผีเดือนรวบรวมพลังปรากฏตัวเพื่อให้เห็นได้เพียงแว๊บเดียว ดาลัดเห็นเดือนตรงหน้าอย่างจังด้วยความตกใจทำเสียงดัง
“ว๊าย...”
ดาลัดรีบเอามือปิดปากลนลานออกจากที่นั่น พายัพกับพงษ์รู้ตัวมีคนแอบฟัง
“ใคร...ใครอ่ะ...” พายัพคิดๆนึกได้ “ฉิบหายแล้ว ดาลัด...”
พงษ์มองหน้าพายัพพยักหน้าสองคนรีบตามไปทางเสียงที่ได้ยิน แซลลี่แอบมองอยู่ห่างๆหลบทันที ยังไม่ทันที่ดาลัดจะเดินออก พงษ์กับพายัพก็โผล่พรวดมา ดาลัดตกใจ
“ว๊าย...”
พายัพมองจ้องหน้านิ่งเหี้ยม ดาลัดรีบบอก
“ฉันเอากระ...กระดูก...ตามที่คุณบอกมาให้ค่ะ”
ดาลัดรีบยื่นให้ พายัพรับมาแล้วมองพงษ์ ดาลัดมองตามรู้ว่าต้องถูกฆ่าแน่รีบชิงพูดก่อนยกมือไหว้ขอชีวิต
“ฉันสัญญาว่าจะไม่พูดไม่บอกใครเด็ดขาด เรื่องคุณจะฆ่าคุณเชต ปล่อยฉันไปเถอะนะคะ”
พายัพนิ่งก่อนที่จะพูด
“คุณดาลัดสัญญาจะไม่บอกใครแน่นะครับ”
“แน่คะ ดาลัดไม่มีทางทรยศคุณพายัพแน่นอนคะปล่อยฉันไปเถอะนะคะ”
พายัพตัดสินใจปล่อย ดาลัดดีใจไหว้ขอบคุณ
“ขอบคุณค่ะ ขอบคุณคุณพายัพนะคะ ดาลัดไปก่อนนะคะ”
ดาลัดรีบไป พายัพพยักหน้ากับพงษ์เป็นอันรู้กัน แซลลี่มองตามที่ดาลัดออกไป
ดาลัดหวาดกลัวผี ประกอบกับการได้ยินเรื่องราวทั้งหมดที่เป็นความลับของพายัพที่ทำร้ายเชตะวัน
“ทำไมต้องมารู้มาเห็นเรื่องแบนนี้ด้วยก็ไม่รู้...”
ดาลัดเครียด
“คุณพายัพนะคุณพายัพ ทำไมกลายเป็นคนแบบนี้ไปได้”
ดาลัดหยุดคิดตัดสินใจหยิบมือถือขึ้นมา
“คุณเชตจะต้องไม่มาตายเพราะเรา...”
ดาลัดกดโทรศัพท์...มือถือเนตรอัปสรดังแต่เธอหลับอยู่ ปารมีรับสาย
“ฮัลโหล”
“เอ่อ...คุณเนตร ฉันมีเรื่องจะบอกคะ คือ...”
พงษ์โผล่มาตรงหน้าเอามีดแทงดาลัดเพื่อปิดปากทันที ปารมีงงๆ
“ฮัลโหล...ได้ยินมั้ยคะ...”
ดาลัดทรุดลงจมกองเลือดมองหน้าพายัพที่โผล่มายิ้มเหี้ยมๆ พายัพหยิบโทรศัพท์ดาลัดมากดปิดเครื่องทันที ปารมีมองโทรศัพท์ที่ตัดไปงงๆ แซลลี่ที่แอบตามมาเห็นอึ้งกลัวสุดขีดรีบหลบไปอย่างลนลาน พายัพจ้องมองดาลัด
“ฉันไม่ชอบคนทรยศ ใครหักหลังฉันมันต้องตาย”
ดาลัดฟังพายัพพูดจบก็หมดลม สิ้นใจทันที พายัพมองดาลัดตายตรงหน้าก่อนจะมองดูห่อกระดูกในมือยิ้มชอบใจ
แซลลี่ตารีตาเหลือกกลับมารีบคว้ากระเป๋าเพื่อจะหนีกลับกรุงเทพ สิทธิ์เข้ามาขวาง
“นี่จะไปไหนเนี่ย”
“ฉันไม่อยู่แล้ว ฉันจะกลับกรุงเทพ”
สิทธิ์ยื้อจับมือแซลลี่ไว้
“จะหนีกลับได้ไงอยู่ช่วยกันให้งานเสร็จก่อนสิ”
แซลลี่สะบัดมือออก
“อย่ามาแตะต้องตัวฉันนะ”
สิทธิ์หน้ากวนๆหื่นๆ
“ทำไมแตะนิดแตะหน่อยไม่ได้หรือไง พี่พายัพไม่อยู่ด้วยทำเป็นหวงเนื้อหวงตัวไปได้”
“ฉันหวงก็เพราะว่าฉันเกลียดแกไม่อยากให้แกมาโดนตัวฉัน แกนี่มันไม่ เจียมตัวเอาซะเลยนะอย่างแกก็เป็นได้แค่ลูกกะจ๊อกของพี่พายัพไปจนตายนั่นแหละ”
สิทธิ์โมโหเข้าไปกระชากตัวแซลลี่จะปล้ำ จับแก้มแซลลี่ด้วยความโกรธแล้วบอก
“งั้นเธอก็ต้องเป็นเมียไอ้ลูกกระจ๊อกคนนี้อีกคนแล้วกัน”
สิทธิ์ต่อยท้องแซลลี่จนจุกตัวงอทรุดลงแล้วโถมตัวเข้าใส่ซุกไซร้
“ปล่อยนะ...ไป...ออกไปนะไอ้บ้า”
แซลลี่กระเถิบถอย สิทธิ์ตามมาโถมทับอย่างหื่น แซลลี่เอามือควานหาจนจับเอาขวดเบียร์ จึงคว้ามาตีหัวสิทธิ์เต็มแรง
“โอ๊ย...”
แซลลี่ถีบสิทธิ์ออกไปแล้วคว้ากระเป๋าก่อนที่จะหนีออกไป สิทธิ์เลือดไหลเอามือกุมหัวเจ็บใจ
พายัพกลับเข้ามากับพงษ์ที่หน้าบ้าน เจอสิทธิ์ที่เอามากุมหัวเลือดไหลเดินออกมาจากในบ้าน พายัพกับพงษ์มองตกใจ
“เกิดอะไรขึ้นเนี่ย”
“แซลลี่ไม่รู้ไปเจออะไรมาครับกลับมาก็รีบหุนหันเก็บของกลับ...ผมเข้าไปถามแซลลี่ก็ทำร้ายผมแล้วหนีไป”
“งั้นนายรีบไปทำแผลก่อนเถอะ”
“ครับพี่”
สิทธิ์เดินเข้าไป พายัพหันมองหน้าพงษ์
“สงสัยคุณแซลลี่ตามเราไปแน่ๆครับนาย คงเห็นว่าเราฆ่ายัยดาลัดปิดปาก จะให้ผมไปเก็บยัยแซลลี่เลยไหมครับ”
“ไม่เป็นไรนังนั่นปล่อยไปก่อนเอาไว้ทีหลัง กูมีงานใหญ่รออยู่”
พายัพมองห่อกระดูกที่ถือมายิ้มชอบใจ
“พรุ่งนี้ กูจะปลุกวิญญาณอีผีนั่นมันขึ้นมาเป็นทาสรับใช้กู ไอ้เชตจะต้องตายอีกครั้งคราวนี้กูก็จะได้ครองทุกๆอย่างเพียงคนเดียว ฮ่าๆ”
ผีเดือนมองอย่างแค้นสุดๆ
เช้าวันใหม่...พนักงานหญิงช่วยขนของมาส่งที่รถ เนตรอัปสร ปารมีเดินมากับ หมอก้องที่ถือกล่องใส่กระดูกมาด้วย ทั้งหมดขนกระเป๋ามาที่ลานจอดรถ เนตรอัปสรมองหาดาลัด ไม่เห็นจึงถามพนักงาน
“คุณดาลัดไม่อยู่เหรอคะ”
“ปกติจะมาแล้วนะคะ แต่วันนี้ ยังไม่เห็นเข้ามาเลยค่ะ”
“เธอจะอยู่รอมั้ยเนตร” ปารมีถาม
“ไม่ดีกว่าฉันอยากรีบกลับไปหาคุณเชต”
หมอก้องชะงักนิดๆเก็บอาการ ปารมีแอบมองท่าทีของหมอก้องเลยแกล้งยั่วโมโห
“เธอคงคิดถึงคุณเชตมากสินะ ก็ได้เรารีบกลับกันเถอะเธอจะได้เจอคุณ เชตเร็วๆ”
หมอก้องทำนิ่งเอากล่องเก็บหลังรถแล้วเดินเข้าไปประจำหน้าที่คนขับ เนตรอัปสรหันบอกพนักงาน
“ไปก่อนนะคะ ฝากขอบคุณพี่ดาลัดด้วยค่ะ”
“เดินทางโดยสวัสดิภาพนะคะ”
เนตรอัปสรขึ้นรถกับปารมี ทุกคนจึงออกไปจากรีสอร์ท
เชตะวันตื่นมามองรอบๆตัว
หมอกับพยาบาลกำลังตรวจวัดชีพจร ตรวจเช็คอาการอยู่ มีอนงค์คอยมองยิ้มดีใจ พยาบาลส่งชาร์ท ผลตรวจให้ หมอดูที่ผลตรวจต่างๆยิ้มๆแล้วบอกกับเชตะวัน
“ทุกอย่างอยู่ในเกณฑ์ปกติ นับว่าเป็นเคสที่น่าแปลกมากที่สามารถ ฟื้นตัวได้เร็วแบบนี้ยังไงก็อยู่รอดูอาการสักระยะก่อนนะครับแล้วเดี๋ยวหมอจะสั่งเป็นยาบำรุงให้”
“ขอบคุณครับ”
หมอกับพยาบาลเดินออกไป เชตะวันจึงลุกขึ้นนั่ง อนงค์เข้ามาช่วยปรับเตียงจับหมอนหนุนให้
“นงค์ช่วยค่ะ”
เชตะวันนั่งเหมือนคิดอะไรบางอย่างแล้วนึกถึงเนตรอัปสร
“เนตร...แล้วคุณเนตรล่ะทำไมเนตรไม่อยู่”
“คุณพยาบาลไปต่างจังหวัดเพื่อช่วยชีวิตคุณน่ะค่ะ”
เชตะวันงงว่าเรื่องอะไร คิดๆ
“ช่วยชีวิต...ช่วยชีวิตอะไร”
“ก็ไปช่วยให้ผีที่จับตัวคุณไป ปล่อยคุณคืนมานี่แหละค่ะ”
เชตะวันงงๆ อนงค์จ้องมอง
“ตอนแรกนงค์ก็ไม่อยากเชื่อนะคะ แต่พอคุณฟื้นมาได้แบบนี้นงค์เชื่อสนิทเลยคะ เอาเป็นว่าเดี๋ยวคุณพยาบาลกลับมา คุณเชตถามเธอเองแล้วกันนะคะ นงค์ขอตัวไปดูแลคุณอาทิตย์ก่อนนะคะ”
อนงค์จะเดินออกไป
“เดี๋ยว คนที่บ้านตั้งเยอะตั้งแยะก็ให้ดูแลไปก็ได้นี่”
อนงค์ทำหน้าไม่ถูก
“แล้วเขามาเยี่ยมฉันบ้างรึป่าว ฮึ...คงไม่มาสินะ”
อนงค์หน้าจ๋อยๆค่อยๆบอก
“มาเยี่ยมได้ครั้งเดียวเองคะ แล้ว...แล้ว...”
“แล้วก็หายไป”
เชตะวันเซ็งเลยนอนหันหลังให้อนงค์
“คุณเชตอย่าโกรธคุณผู้ชายที่ไม่ได้เข้ามาเยี่ยมเลยนะคะ เพราะตอนนี้ คุณผู้ชายไม่เหมือนก่อนแล้วคะ”
เชตะวันไม่สนใจ อนงค์เดินเข้าไปหา
“คุณผู้ชายประสบอุบัติเหตุเกือบตาย ตอนที่คุณเชตยังนอนไม่ได้สติอยู่ ตอนนี้คุณผู้ชายพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนี้เหมือนกันคะ”
เชตะวันได้ยินที่อนงค์พูดก็อึ้งไป
“คุณจะไม่ไปเยี่ยมท่านหน่อยเหรอคะ”
เชตะวันนิ่งงัน
เชตะวันเข้ามาหาอาทิตย์เห็นพ่อนอนนิ่งก็อึ้ง ไม่คิดว่า พ่อจะตกอยู่ในสภาพแบบนี้ เชตะวันยืนมองที่เตียงของพ่อนิ่งงัน
“มันเกิดอะไรขึ้น” เซตะวันน้ำเสียงนิ่งๆข่มความเสียใจ
บวรนั่งเศร้าก้มหน้า
“บอกฉันได้มั้ยว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมพ่อถึงเป็นแบบนี้”
อนงค์อึกอัก
“เอ่อ...คือ...นงค์ไม่เห็นเหตุการณ์หรอกค่ะ คนที่เห็นเหตุการณ์คือน้าบวรแต่น้าก็เล่าไม่ได้แต่นงค์พอจะปะติดปะต่อเรื่องได้ว่าคุณอาทิตย์กับคุณพายัพทะเลาะกันแล้วจากนั้นคุณอาทิตย์ก็ตกบันไดลงมา”
เชตะวันหันถามบวร
“ไอ้พายัพใช่มั้ย”
บวรหลบตา เชตะวันจ้องหน้าคาดคั้น
“ไอ้พายัพมันทำพ่อใช่มั้ยบวร”
บวรพยักหน้าเศร้าๆ เชตะวันโกรธกำหมัดแน่น
“มันทำกับพ่อได้ยังไง ไอ้คนชั่ว”
เชตะวันหันมองหน้าอาทิตย์สงสารที่พ่อต้องมาตกอยู่ในสภาพแบบนี้ เขาเดินเข้ามาใกล้เตียงพ่อมองดูหน้าพ่อใกล้ๆแล้วคิดถึงเรื่องราวในอดีต
“เพราะพ่อน่ะรักพี่มากกว่าผม ที่สำคัญพ่อห่วงสมบัติของพ่อ มากกว่าห่วง ผมมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว”
อาทิตย์ตบหน้าเชตะวัน
“นอกจากแกจะทำตัวไร้สาระไปวันๆ ไม่เคยทำอะไรให้ฉันภาคภูมิใจ เคยดูสภาพตัวเองไหมว่าเหมือนคนปกติเขารึป่าว แกยังคิดร้ายกับพี่แท้ๆของแกอีก แกนี่มันเลวจริงๆ”
เชตะวันมองดูที่อาทิตย์น้ำตาคลอ
“พ่อ...พ่อมีอะไรจะบอกผมไหมครับ”
อาทิตย์ได้แต่พยายามเอามือมาจะลูบหัวลูกชายแต่ทำไม่ค่อยได้ เชตะวันน้ำตาไหลที่เห็นพ่ออยู่ในสภาพนี้
“ผมยอมให้พ่อดุด่าผมเหมือนเดิม แต่ผมไม่ต้องการให้พ่อเป็นแบบนี้”
เชตะวันนั่งฟุบร้องไห้ อาทิตย์ก็ร้องไห้ เอามือพยายามลูบหัวลูกชาย พ่อลูกเข้าใจกัน
เชตะวันยังคงนั่งเฝ้าอาทิตย์ที่ตอนนี้หลับไปแล้ว อนงค์หันมาบอก
“คุณเชตกลับไปพักเถอะคะ คุณเชตก็เพิ่งฟื้นต้องพักผ่อนเยอะๆนะคะ”
บวรเข้าทำท่าส่งภาษาใบ้ให้เชตะวันกลับไปพัก เดี๋ยวจะดูแลอาทิตย์เอง
“ฉันฝากดูพ่อด้วยนะ”
“จะให้อนงค์ไปส่งที่ห้องไหมคะ”
“ไม่เป็นไร อนงค์กับบวรอยู่ที่นี่แหละ”
เชตะวันมองดูพ่ออีกครั้งแล้วก็ออกไป
เนตรอัปสร ปารมี หมอก้องรีบมาหาเชตะวัน เดินมาพบทิพย์ที่นั่งรออยู่วิ่งเข้ามาหาเพื่อนๆ
“กลับมาแล้ว”
ทุกคนกอดกันดีใจ เนตรอัปสรรีบถาม
“คุณเชตล่ะ คุณเชตอยู่ที่ห้องใช่ไหม”
เนตรอัปสรกำลังจะเดินไปห้องแต่เชตะวันเปิดประตูออกมาจากห้องอาทิตย์แล้วเจอพอดี
“เนตร”
“คุณเชต”
ทั้งสองดีใจกอดกัน ทิพย์กับปารมีแอบดีใจที่เห็นเพื่อนมีความสุข หมอก้องเห็นภาพนี้ทำหน้าไม่ถูก
“ดีใจจังเลยอ่ะปาน”
ทิพย์บิดไปมาดีใจแทนเพื่อน ปารมีก็ปลื้มใจไปด้วย เนตรอัปสรยิ้มกว้าง
“คุณฟื้นแล้วจริงๆด้วย”
เธอจับหน้าตาเขาสำรวจตามร่างกาย
“ผมคิดถึงคุณมากรู้มั้ย”
เชตะวันดึงเนตรอัปสรเข้ามากอดอีกครั้งด้วยความรัก หมอก้องน้อยใจทันทีที่เห็น จึงเดินเลี่ยงออกไป ปารมีกับทิพย์มองตาม
หมอก้องเซ็งเครียด เดินมาหย่อนตัวลงนั่งที่โซฟา ตำรวจเดินเข้ามาติดต่อตรงเคาท์เตอร์ มีพยาบาลยืนอยู่
“ผมขออนุญาตพบคุณเชตะวันเพื่อสอบปากคำหน่อยครับ”
หมอก้องได้ยินเงยหน้ามองไปทางเคาท์เตอร์
เชตะวันนอนลงที่เตียงคนไข้ จับมือกับเนตรอัปสรไม่ห่าง
“ตอนนี้เป็นไงบ้างคะคุณเชต” ปารมีเข้ามาถาม
“ผมว่าผมปกติดีทุกอย่างนะ มันเหมือนว่าผมนอนหลับแล้วตื่นขึ้นมาแค่นั้น”
ทิพย์ยิ้มยินดี
ทิพย์ยิ้มยินดี
“พวกเราดีใจที่คุณเชตตื่นขึ้นมาจากความฝันสักทีนะคะ”
เชตะวันนิ่งคิดบางอย่าง
“ใช่...มันเหมือนความฝัน...ผมฝันว่า...ได้เจอกับผู้หญิงโบราณคนหนึ่ง เธอรักผมมาก เพราะเธอผมเคยเป็นคนรักของเธอในอดีต”
เนตรอัปสรมองดูเชตะวันที่กำลังนั่งคิดถึงสิ่งที่ผ่านมา เธอบอกกับเขา
“ผู้หญิงคนนั้นชื่อแม่เฟื่องใช่มั้ยคะ”
เชตะวันหันมองเนตรอัปสรอย่างแปลกใจ
“ทำไมคุณถึงรู้ว่าเธอชื่ออะไร มันเป็นความฝันของผมไม่ใช่ เหรอ”
เนตรอัปสรมองหน้าเขา
“มันคือเรื่องจริงที่ทั้งคุณและฉันก็ไปพบเจอมาค่ะ”
“จะเป็นไปได้ยังไง”
เชตะวันแปลกใจ ไม่อยากเชื่อ
“มันเป็นเรื่องจริงค่ะปานยืนยันได้ค่ะ วิญญาณของแม่เฟื่องพาคุณกลับไปสู่อดีต นะโมกับพวกฉันตามไปช่วยคุณให้หลุดพ้นจากดวงวิญญาณของแม่เฟื่องออกมา ถ้าไม่ได้ยัยนะโมคุณมีหวังได้หลับยาวแน่ๆค่ะ” ปารมียืนยัน
เชตะวันฟังที่ปารมีพูดก็อึ้งๆแล้วนึกได้
“ใช่...แม่เฟื่องจะเอาผมไปอยู่กับเธอด้วย จะให้ผมโดดหน้าผาพร้อมกับเธอตามคำสาบานในอดีต...ตอนที่ผมหลับยาว เนตรกับเพื่อนไปช่วยผมให้ฟื้นเหรอเนี่ย ขอบคุณนะครับเนตรที่ช่วยผมกลับมาและทำให้เราได้พบกันอีก”
เนตรอัปสรกับเชตะวันยิ้มดีใจ ปารมีกับทิพย์ดีใจกับทั้งสอง พยาบาลเปิดประตูเข้ามา
“ขอโทษค่ะ มีตำรวจมาขอพบคุณเชตะวันค่ะ”
เชตะวัน เนตรอัปสร ปารมี ทิพย์ หันมอง ตำรวจสองนายเดินเข้ามาในห้อง พยาบาลออกไป
“ขออนุญาตครับ ทราบว่าคุณเชตฟื้นแล้วจึงมาตามเรื่องคดีค้ายาเสพติดต่อน่ะครับ”
เชตะวันกับเนตรอัปสรอึ้งๆ
“คุณเชตเพิ่งฟื้น ขออนุญาตยังไม่ให้ปากคำนะคะ”
“ไม่เป็นไรเนตร เชิญครับ”
เนตรอัปสรจำยอม
“ตอนนี้ทางเราได้หลักฐานเรื่องเช็คที่สั่งจ่ายของคุณพ่อของคุณ ผ่านกระบวนการผู้ค้ายาเพิ่ม นั่นก็แสดงว่า คุณอาทิตย์เป็นผู้ต้องหาอีกคนที่ร่วมอยู่ด้วยกับคุณ”
เชตะวันตกใจไม่เชื่อว่าอาทิตย์จะเป็นคนทำ
“และก่อนหน้านี้ผมได้สอบปากคำคุณพายัพพี่ชายของคุณ ซึ่งคุณพายัพ ยอมสารภาพว่ารู้เห็นว่าคุณอาทิตย์เป็น คนทำจริง ทางตำรวจเลยกันตัวไว้เป็นพยานเรียบร้อยแล้วครับ”
เชตโกรธที่พายัพใส่ร้าย
“เลวมาก...ทั้งหมดพ่อผมไม่เกี่ยว แต่ถ้าจะมีคนผิด ผมรับผิดเอง ผมเป็นคนบังคับให้พ่อเซ็นเช็คพวกนั้นเอง”
เนตรอัปสรตกใจที่เชตะวันรับผิดทั้งหมด
“คุณเชต”
ปารมีรู้สึกแย่มากที่ตัวเองรับรู้ทุกอย่างแต่ทำไรไม่ได้จึงวิ่งออกไป ทิพย์มองปารมีที่ออกไปงงๆ เชตะวันเจ็บใจที่พายัพทำกับพ่อแบบนี้ได้ยังไง
ปารมีเดินมองหาหมอก้องหันมาเห็นเขานั่งก้มหน้าอยู่ที่ที่นั่งรอหน้าเคาท์เตอร์ ปารมีเข้าไปหาด้วยความโกรธ
“สะใจรึยังล่ะที่ตอนนี้คุณเชตต้องถูกตำรวจจับเพราะค้ายา หลักฐานทุกอย่างมัดตัวหมดแล้ว”
หมอก้องตกใจที่เห็นปารมีโกรธ ปารมีพูดด้วยความเจ็บใจ
“คุณเชตเขาเป็นลูกผู้ชายพอ เขายอมรับความผิดในสิ่งที่เขาไม่ได้ทำ แต่หมอกล้าโกหกยกความดีเข้าตัวทำลายคนอื่นอย่างเลือดเย็น”
“ผมแค่ทำตามหน้าที่”
“หน้าที่อะไรเหรอคะ คำพูดของหมอเป็นหลักฐานเดียวที่ทำให้คุณเชตตกเป็นผู้ต้องหา”
หมอก้องนิ่งงันกับสิ่งที่ปารมีพูด
“ถ้าอยากให้ตัวเองมีคุณค่ามากกว่าที่เป็นอยู่นี้ก็ทำในสิ่งที่ถูกต้อง แล้วก็เลิกหวังว่านะโมจะรักหมอได้แล้ว มันไม่มีทางหรอกคะเพราะนะโมคงไม่มีทางรักคนร้ายกาจอย่างหมอได้หรอก และปานคิดว่าถ้าตัวหมอเองอยากมีความสุขเพราะคำโกหกไปตลอดชีวิต ก็เชิญ”
ปารมีเก็บความรู้สึกเจ็บที่ใจเดินออกไป หมอก้องนิ่งคิดกับสิ่งที่ปารมีพูดด้วยความเครียด
ตำรวจลงบันทึกในเอกสารแล้วส่งให้ เชตะวันเซ็นรับทราบข้อกล่าวหาทั้งหมด ปารมีเข้ามาเห็นอึ้งๆเดินเข้าไปหาเนตรอัปสรที่ร้องไห้อยู่ปลอบเพื่อน ตำรวจหันมาบอก
“งั้นผมคงต้องดำเนินคดีตามขั้นตอน ผมคงต้องขอเชิญตัวคุณไปสอบสวนอีกครั้งก่อนสรุปสำนวนนะครับ”
เชตะวันพยักหน้ารับ เนตรอัปสรไม่ยอม
“คุณเชตคุณไม่ต้องไปหรอกคะ ก็คุณไม่ได้ทำผิดนี่คะ”
ตำรวจแย้ง
“หลักฐานทุกอย่างมันมัดตัวหมดแล้วนะครับ คนผิดก็ต้องถูกสอบสวนดำเนินคดีครับ”
หมอก้องพรวดเข้ามาในห้อง
“คุณเชตไม่ใช่คนผิดและก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับคดีนี้ เลยครับ”
ทุกคนนิ่งงัน ตำรวจงง
“เพราะเสื้อที่เปื้อนเลือดที่เป็นหลักฐานมัดตัวคุณเชตนั่น มันเป็นเลือดเก่า ผมให้การเท็จเอง”
ทุกคนอึ้ง
“ผลจากแล็บเป็นแบบนี้”
หมอก้องยื่นซองเอกสารจากแลปให้ ตำรวจรับมาดูงงๆว่าเกิดอะไรขึ้น
“ผลเลือดเป็นของคุณเชตะวันแต่เป็นคราบเลือดเก่า”
ทุกคนอึ้ง หมอก้องหันมาบอกตำรวจ
“คุณตำรวจต้องกลับไป รื้อคดีใหม่เพื่อจับตัวคนร้ายให้ได้ แต่ที่แน่ๆคนร้ายไม่ใช่คุณเชตครับ”
เนตรอัปสรเดินเข้าไปหาหมอก้องตบหน้าเขาอย่างแรง ทุกคนตกใจนิ่งเงียบ เนตรอัปสรเสียใจกับความรู้สึกดีๆ
“ทำไมหมอต้องทำแบบนี้ด้วย...ทำไม”
“เพราะที่ผ่านมาผมต้องการทำลายความรักของคุณกับคุณเชตไงล่ะ แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าต่อให้ผมทำยังไงก็ไม่มีทางหยุดความรักของคุณได้”
เนตรอัปสรอึ้งกับคำตอบของหมอก้องเธอตบเขาอีกทีก่อนวิ่งออกไปจากห้อง ปารมีกับทิพย์ตามไป หมอก้องเศร้าหันมาพูดกับเชตะวัน
“ผมขอโทษนะครับคุณเชต ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าเนตรรักคุณมากแค่ไหนผมไม่มีทางแย่งมาจากคุณได้ ผมขอโทษ”
ตำรวจตัดบท
“พวกผมงงไปหมดแล้ว เอาเป็นว่าถ้างั้นขอเชิญคุณหมอ ไปให้ปากคำกันใหม่ดีกว่านะครับ เชิญครับ”
หมอก้องออกไปกับตำรวจ เชตะวันงงกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นไปหมด
เนตรอัปสรวิ่งเสียใจออกมา ปารมีเดินเข้ามา
เนตรอัปสรโผเข้ากอด ร้องไห้ ทิพย์เดินตามมา
“หมอทำเรื่องแย่ๆแบบนี้ได้ยังไง ทั้งที่หมอเป็นคนดี หมอเป็นเพื่อนเราไม่ใช่เหรอปาน”
เนตรอัปสรร้องไห้เสียใจ ปารมีปลอบ
“ทุกคนก็มีด้านมืดของตัวเองอยู่ทุกคนแหละนะโม ถ้าด้านสว่างมันมีมากพอเราก็จะมองไม่เห็นด้านมืดของเขา อย่าโกรธหมอก้องเลยนะ อย่างน้อยหมอก้องก็มองเห็นด้านมืดตัวเองแล้วออก มายอมรับความจริงแล้ว”
ทิพย์เข้าปลอบอีกคน
“เรื่องมันจบแล้วล่ะนะ หมอก้องเขารู้แล้วว่าเธอรักคุณเชตขนาดไหน อย่างน้อยเราก็เป็นเพื่อนกันมานานแล้วนะ”
เพื่อนๆมารุมกอดเนตรอัปสรไม่อยากให้เธอคิดมาก
พายัพ พงษ์ สิทธิ์ เข้ามาหาหมอผีในบ้าน พายัพส่งห่อกระดูกให้ หมอผีเปิดห่อผ้าออกดูมองยิ้มๆ พายัพสั่ง
“จัดการทำพิธีปลุกผีได้เลยอาจารย์ ข้าอยากใช้งานมันเต็มที่แล้ว”
หมอผียิ้มๆ
“ได้สิ...”
หมอผีจัดแจงเอาห่อกระดูกตั้งลงบนพานที่มีเครื่องคาวหวานเป็นเครื่องเซ่น มีถ้วยดินเผาใส่ดิน 7 ป่าช้า มีสายสิญจน์สีดำวางอยู่ หมอผีบริกรรมคาถา เอาดิน 7 ป่าช้าที่อยู่ในถ้วยดินเผาโปรยลงที่กองกระดูกของเฟื่อง หมอผีทำพิธีดึงวิญญาณเฟื่องออกมาจากคาถาที่หลวงปู่ครอบไว้
ผีเฟื่องเงยหน้ามองหน้าผามองดูมนต์ที่ครอบอยู่รอบๆตัวเริ่มคลายลง ผีเฟื่องถูกดูดหายวับออกไปจากผาเดียวดาย มาปรากฏตัวต่อหน้าหมอผีและพายัพ แววตาผีเฟื่องอาฆาตแค้น
“มึงอยากตายใช่มั้ย”
ผีเฟื่องจะทำร้าย หมอผีหยิบกระดูกขึ้นมาร่ายอาคมที่เชือกสายสิญจน์สีดำแล้วเอามัดที่กระดูก ทันใดนั้นก็มีเชือกรัดรอบตัวผีเฟื่องไว้เรืองแสงวูบวาบ ผีเฟื่องดิ้นทุรนทุราย
“ปล่อยกูเดี๋ยวนี้ ปล่อย...”
ผีเฟื่องฤทธิ์เยอะดิ้นรนไม่ยอมตกอยู่ใต้อำนาจ เชือกสายสิญจน์ดำรัดจนเจ็บปวดอ่อนแรง
“ถ้าไม่อยากเจ็บปวดไปกว่านี้ก็ยอมเป็นทาสของข้าซะ”
เชือกรัดผีเฟื่องจนเจ็บปวดแต่ก็ไม่ร่วมมือ
“ไม่...ปล่อยกู”
“อยากจะลองดีก็ได้ ยิ่งขัดขืนเอ็งก็จะยิ่งเจ็บปวดข้าจะดูสิว่าผีอาฆาต อย่างเอ็งจะทนได้สักกี่น้ำ”
หมอผีบริกรรมคาถาต่อ แล้วก็หยิบถ้วยดินเผาขึ้นมาคว่ำลงบนกองกระดูก ด้วยคาถาทำให้ผีเฟื่องถูกครอบ ผีเฟื่องถูกขังอยู่ในที่แคบๆที่มืดดำไปหมด หมอผีลืมตาขึ้นมาบอกกับพายัพ
“ไม่ต้องห่วงวิญญาณกับกระดูก มันอยู่ในมือเราแล้วยังไงซะมันก็ต้องตกเป็นทาสเรา”
พายัพยิ้มพอใจ หันไปบอกพงษ์
“งั้นแกกับฉันกลับเข้า กรุงเทพไปจัดการธุระที่เหลือให้เสร็จ ตัดตอนคนที่รู้ที่เห็นเรื่องนี้ให้หมดก่อนที่ตำรวจจะดมกลิ่นมาเจอ”
“ครับนาย”
พงษ์เดินออกไปรอข้างนอก พายัพหันบอกสิทธิ์
“ส่วนนาย...ไหนๆก็ลงเรือลำเดียวกันแล้ว นายอยู่ช่วยอาจารย์คงทางนี้ก่อน”
“ได้ครับพี่”
พายัพเดินออกไป สิทธิ์มองตามหมั่นไส้ที่ถูกสั่ง
ระหว่างทางที่กำลังมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพ พงษ์กำลังขับรถอยู่ โทรศัพท์ดังขึ้น เขาเห็นเป็นเบอร์ของสมุนก็กดรับสาย
“ว่าไง”
“ไอ้ชาติมันหนีรอดจากมือปืนไปได้ครับ”
“มันหนีไปไหน ก็ตามไปเก็บมันสิวะ”
“มันหนีเข้าไปหาตำรวจครับ”
พงษ์โมโห
“โธ่เว้ย...”
พงษ์รีบวางสาย พายัพถามอย่างสงสัย
“เกิดอะไรขึ้นวะ”
“ไอ้ชาติมันหนีรอดจากมือปืนที่ตามเก็บไปได้ แล้วมันหนีเข้าไปหาตำรวจครับนาย”
พายัพโกรธ
“โธ่เว้ย...พลาดจนได้ ใครที่ทำพลาดจัดการมันซะอย่าให้กูเห็นหน้าอีก”
“ครับนาย”
พายัพโกรธจัด
หมอก้องเดินออกมาจากห้องสอบสวน นายตำรวจออกมาด้วย
“ผมต้องขอโทษจริงๆนะครับที่ทำให้ทุกคนเสียเวลา” หมอก้องหน้าสลด
“นับว่ายังโชคดีนะครับที่ความจริงเปิดเผยก่อนที่คุณเชตจะกลายเป็นแพะรับบาปไป”
“ครับ...ยังไงก็ช่วยหาคนผิดมารับโทษให้ได้เร็วๆนะครับ”
“มันเป็นหน้าที่ของพวกเราอยู่แล้วครับ”
หมอก้องยิ้ม
“งั้นผมขอลากลับเลยแล้วกันนะครับ”
“เชิญครับ...”
หมอก้องออกไป เสียงโวยวายของชาติดังมาแต่ไกลจากโต๊ะร้อยเวร
“จับผมเลยครับ จับผมเข้าคุกเลยครับผมเนี่ยแหละที่เป็นคนค้ายา”
ร้อยเวรกับจ่าพยายามบอกชาติที่เอะอะโวยวายให้สงบก่อน นายตำรวจกับหมอก้องมาถึง นายตำรวจถามจ่า
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ”
“ไอ้หมอนี่จู่ๆมันก็วิ่งพรวดเข้ามาที่ สน.ขอมอบตัวคดีค้ายาเสพติด น่ะครับ เอะอะโวยวายไม่หยุดเลย”
นายตำรวจแปลกใจ
“มามอบตัวเองเลยเหรอ...เออแปลกแหะ”
“มันบอกว่าอยู่ข้างนอกมันโดนยิงตายแน่ ที่สำคัญมันเหมือนหนีหัวซุกหัวซุนมาด้วยครับมันบอกมีคนลอบยิงมัน”
“งั้นเดี๋ยวฉันสอบเอง...ใครกันที่ตามฆ่าแก”
“พวกมันต้องการปิดปากผม เพราะผมทำงานพลาด จับผมเข้าคุกเถอะครับ นายพายัพไม่ปล่อยผมไปแน่”
นายตำรวจชะงัก
“เดี๋ยวนะ...นายพายัพ...เกี่ยวอะไรด้วย”
ชาติโพล่งออกมา
“คุณพายัพเป็นคนจ้างพวกผมขนยาเสพติด แล้วล่าสุดที่มีการหัก หลังกัน คุณพายัพจัดฉากให้น้องชายเป็นแพะรับบาปแต่มีผมที่รู้เหตุการณ์ทั้งหมดนายเลยจ้างมือปืนมาลอบฆ่าผม”
ชาติยกมือไหว้
“ขังผมไว้ในคุกเถอะครับ อย่าปล่อยให้ผมไปตายเลยผมขอร้อง”
นายตำรวจใช้ความคิด เข้าใจเรื่องราว
สิทธิ์เดินเข้ามาเห็นหมอผีกำลังนั่งนับเงินอยู่ก็แอบดูคิดอะไรออกจึงแกล้งไอดังๆ
“แค่กๆๆ”
หมอผีรีบเก็บเงินทันที สิทธิ์เดินเข้าไปยิ้มๆ
“นั่งนับเงินใหญ่เชียว”
“มันไม่เกี่ยวกับเอ็งอย่ายุ่งน่า”
สิทธิ์มองดูเงินที่หมอผีกำไว้
“อะไรกันได้ค่าจ้างทำพิธีแค่นี้เองเหรอ ทำไมมันน้อยนักล่ะ”
หมอผีมองหน้า สิทธิ์พูดต่อ
หมอผีมองหน้า สิทธิ์พูดต่อ
“ฉันเคยจ้างหมอผีไปปัดรังควาญให้ที่บ้านยังให้เยอะกว่านี้เลย ฉันว่า เขาหลอกอาจารย์ให้ทำพิธีให้แหง๋เลย แบบนี้ลบหลู่กันชัดๆแสดงว่าไม่เชื่อฝีมืออาจารย์ว่าจะทำให้อีผีตัวนั้นมาเป็นทาสได้”
หมอผีฟังที่สิทธิ์พูดแล้วโกรธที่ได้ยินสิทธิ์พูดว่าพายัพคิดแบบนี้
“ทำไมข้าจะทำไม่ได้”
สิทธิ์แอบยิ้มก่อนที่จะเข้าเรื่อง
“ผมก็อยากจะเชื่อว่าอาจารย์ทำได้ แต่ผมก็ไม่เห็นเหมือนกัน”
หมอผีโมโห
“งั้นข้าจะทำให้เอ็งดู”
สิทธิ์ยิ้มเข้าแผน
“ความจริงฉันก็อยากได้นังผีนั่นมาดูเลี้ยงบ้าง ท่าทางจะดี เผื่อชีวิตจะรุ่งเรือง เอางี้มั้ย...” สิทธิ์ควักเงินในกระเป๋าตังค์มาปึกหนึ่ง “ผมจ่ายให้อาจารย์เยอะกว่าเดิม 1 เท่าเลยช่วยปลุกนังผีนั่นมาเป็นทาสให้กับผมแทน”
หมอผีคิดหนัก ก่อนจะตัดสินใจ
“ตกลง...” หมอผีรับเงิน “ไม่ใช่ว่าข้าเห็นแก่เงินหรอกนะ ข้าอยากจะดัดสันดานคนที่ดูถูกข้ามากกว่า”
หมอผีหันไปที่หน้าปรำพิธี เริ่มบริกรรมคาถาแล้วหยิบเอาถ้วยที่คว่ำบนกองกระดูกออกมา สิทธิ์มองดูพิธีกรรมยิ้มชอบใจ ผีเดือนปรากฏตัวข้างหลังสิทธิ์ด้วยสีหน้าโกรธแค้น
“ไอ้สิงห์...มึงตาย”
ผีเดือนรวบรวมกำลังตรงเข้าบีบคอ สิทธิ์มองไม่เห็นตัวเดือนแต่กำลังถูกบีบคอตาเหลือกตะเกียจตะกายเข้าไปหาหมอผีที่กำลังดึงเชือกที่มัดกระดูกผีเฟื่องอยู่ ชนจนมือหลุดจากเชือกสายสิญจน์สีดำที่รัดกระดูกเฟื่อง เชือกที่รัดตัวผีเฟื่องคลายออกไม่บีบรัดตัวเหมือนเคย หมอผีรีบเข้าไปคว้าเชือกกับกระดูกขึ้นมา แล้วหันมาเห็นผีเดือนกำลังบีบคอสิทธิ์อยู่
“หยุดเดี่ยวนี้นะ”
ผีเดือนชะงักหันขวับมามองที่หมอผี เห็นหมอผีถือกระดูกเฟื่องกับเชือกที่มัดอยู่ผีเดือนโกรธ
“มึงทำอะไรคุณหนู...”
“คิดจะมาช่วยนายมึงเหรอ ไม่มีทาง”
หมอผีเสกคาถาลงที่เชือกสายสิญจน์สีดำ เชือกสีดำรัดตัวผีเฟื่องยิ่งขึ้นเสียงร้องดังโหยหวน
“อ๊าย...ปล่อยกู”
ผีเดือนสงสารตัดสินใจพุ่งเข้าไปจับสายสิญจน์ที่มัดกระดูก ด้วยฤทธิ์ของคาถาทำให้ผีเดือนเจ็บปวดอย่างที่สุดแต่ฝืนทนเพื่อช่วยผีเฟื่อง
“บ่าวจะช่วยคุณหนูเองค่ะ...บ่าวทำเพื่อคุณหนูได้เท่านี้จริงๆ ลาก่อนเจ้าค่ะคุณหนู”
เฮือกสุดท้ายของวิญญาณเดือนที่คงร่างอยู่รวบรวมกำลังทั้งหมดกระชากสายสิญจน์ขาดจากกัน จนตัวผีเดือนแหลกสลายไปพร้อมกับหมดสายสิญจน์ เสียงกรีดร้องโหยหวน
“อ๊าย...”
ผีเดือนสลายร่างไป ผีเฟื่องมองดูผีเดือนจากไปด้วยความเสียใจหันมองทางหมอผีกับสิทธิ์ สายตาอาฆาตแค้น
ด้านนอกบ้านถูกปกคลุมด้วยหมอกดำแห่งความอำมหิต เสียงเฟื่องดังก้องอยู่ในบ้าน
“มึงตาย”
หมอผีกำลังจะท่องคาถาผีเฟื่องสะบัดมือใส่หมอผี กระเด็นไปโดนมีดหมอเสียบเข้ากลางอกตายคาที่ สิทธิ์กระเสือกกระสนหนีตาย ผีเฟื่องตามมาดักผลักสิทธิ์กระเด็นไปที่ปรำพิธี ผีเฟื่องเอื้อมมือทำท่าบีบคอแล้วสะบัดมือจนสิทธิ์คอหักตาค้างตาย
แซลลี่มาหาเชตที่บ้าน เดินเข้ามาในห้องโถงตะโกนเรียก
“เชต...เชตคะ แซลลี่มาเยี่ยมค่ะ”
นันวิ่งออกมาจากในบ้านมาหยุดตรงแซลลี่
“คุณเชตไม่อยู่หรอกค่ะ”
แซลลี่ไม่เชื่อ
“อย่ามาโกหกนะเพราะฉันโทรไปเช็คที่โรงบาลก็ไม่อยู่ ไม่กลับมาบ้านแล้วจะไปไหน ฉันจะรอเชตอยู่ที่นี่เพราะ ฉันต้องปรับความเข้าใจกับเชต หลีกไป”
แซลลี่เดินเชิดเข้าไปในบ้าน นันมองตามระอา
เนตรอัปสรพาเชตะวันเข้ามาที่ตำหนักคุณสรวง
“คุณพาผมมาที่นี่ทำไมเหรอ”
“ฉันอยากให้คุณพบใครคนนึงคะ”
คุณสรวงเดินเข้ามา เนตรอัปสร กับเชตะวันไหว้ คุณสรวงมองหน้าเห็นเป็นภาพลางๆในอดีต
“ฉันดีใจด้วยนะที่คุณปลอดภัย”
เนตรอัปสรหันมาบอกเชตะวัน
“ถ้าไม่ได้คุณแม่ช่วย ฉันก็คงไม่รู้ว่าจะไปตามหาคุณที่ไหน”
“ทำไมคุณถึงรู้ล่ะครับว่าจะช่วยผมได้ยังไง”
“การมาพบเจอกันของคนเรามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอกนะ ทุกอย่างมันถูกลิขิตไว้ด้วยกรรมเก่าที่เราเคยทำไว้ร่วมกัน”
“งั้นผมคงทำกรรมไว้กับแม่เฟื่องไว้ใช่มั้ยครับ เขาถึงต้องการชีวิตของผม”
คุณสรวงเศร้าเพราะรับรู้ความรู้สึกของเฟื่อง
“แม่เฟื่องต้องการให้คนรักกลับมาอยู่ด้วยกันตามคำสาบานที่ให้ไว้ แม่เฟื่องจึงพยายามให้คุณกลับไปตายยังที่เดิมอีกครั้งด้วยใจที่รักตามคำสาบาน...แม่เฟื่องจะไม่ยอมจบถ้าไม่ได้ตัวคุณไป”
เนตรอัปสรกังวล
“แล้วไม่มีทางที่เราจะหยุดผีแม่เฟื่องได้หรือคะ”
“จะหยุดแม่เฟื่องได้ก็ต่อเมื่อ มีแรงแห่งความรักอันบริสุทธิ์มาทำลายแรงแห่งความอาฆาตแค้นนั้นลงได้” คุณสรวงมองที่เนตรอัปสรกับเชตะวัน ยิ้มๆ “มันขึ้นอยู่ที่คุณทั้งสองคน “
“หมายความว่าลูกกับคุณเชตต้องทำร่วมกันงั้นเหรอคะ”
เนตรอัปสรกังวล คุณสรวงจึงพูดปลอบใจ
“ตอนนี้คงไม่มีอะไรแล้วล่ะเพราะลูกก็ทำให้คุณเชตกลับคืนมา ได้แล้ว อย่ากังวลไปเลย”
“นั่นสิ ผมกลับมาอยู่ข้างคุณแล้วไง...ไม่เอาน่า”
เชตะวันโอบไหล่เนตรอัปสรเบาๆ เธอยิ้มอายๆ คุณสรวงมองสองคนยิ้มๆแต่ในใจแอบกังวล
แซลลี่ถือหนังสือพิมพ์อ่านอยู่บ่นๆ
“มีแต่ข่าวฆ่ากันตาย...อี๊...น่ากลัว”
แซลลี่ขยับหนังสือพิมพ์เปลี่ยนหน้า เหลือบเห็นข่าว
“คดียาเสพติดของครอบครัวดังกับตาลปัตร เมื่อน้องชายผู้ตกเป็นแพะรับบาปพ้นข้อกล่าวหา”
แซลลี่อึ้งๆ
“คุณเชต...”
แซลลี่รีบพลิกอ่านในหน้าหนังสือพิมพ์ต่อ
“เมื่อหนึ่งในคนร้ายที่ทำการขนยาเสพติดวิ่งโร่เข้ามอบตัวกับ ตำรวจและรับสารภาพว่าเป็นทีมขนยาของนายพายัพ และให้ปากคำเพิ่มเติมว่านายอาทิตย์กับนายเชตะวันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดียาเสพติดนี้”
แซลลี่ดูด้วยความกังวลแต่แอบโล่งอก
“ดีนะที่ฉันชิ่งมาก่อนไม่งั้นติดคุกหัวโตแน่”
พายัพโผล่มากระชากหนังสือพิมพ์ออก แซลลี่ช้อค พายัพเข้าไปหา
“ไหนบอกว่ารักฉันอยากแต่งงานกับฉันไง”
แซลลี่จะหนีพายัพดึงไว้
“จะไปจากฉันมันไม่ง่ายหรอกนะ”
แซลลี่ยกมือไหว้
“ขอแซลลี่ไปเถอะนะคะ แซลลี่ไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้นปล่อย ปล่อยแซลลี่ไปเถอะคะ”
พายัพยิ้มมีแผนร้าย
“ปล่อยก็ได้”
แซลลี่ดีใจจะออกไป
“แต่ต้องทำอะไรแลกก่อน ไม่งั้น...” พายัพทำท่าเชือดคอ “ตาย...”
แซลลี่อึ้งมองพายัพกลัวๆ
อาทิตย์นอนหลับอยู่บนเตียง บวรนั่งอ่านหนังสืออยู่กับอนงค์นั่งหาวง่วงนอน มีเสียงเคาะประตู อนงค์รีบลุกไปเปิด เห็นเป็นแซลลี่ยืนถือกระเช้าเยี่ยมไข้อยู่อนงค์ตกใจ
“ฉันมาเยี่ยมคุณอาทิตย์น่ะ”
แซลลี่แทรกตัวเข้ามาทันที บวรเห็นรีบลุกขึ้นงงๆ
“ฉันซื้อของมาเยี่ยม ไม่รู้ว่าคุณอาทิตย์ทานได้มั้ย” แซลลี่ยื่นกระเช้าให้บวร
“คงทานไม่ได้หรอกค่ะ เพราะหมองดอาหารอยู่ค่ะ”
“ว๊า แย่จัง”
แซลลี่ท่าทางสงบเสงี่ยมจนอนงค์กับบวรมองงงๆ
“นี่เราสองคนต้องเฝ้าอยู่แบบนี้ตลอดเลยเหรอ”
“ใช่สิค่ะ”
“อืม...ลำบากเนอะ...ว่าแต่สองคนเนี่ยกินอะไรกันหรือยังล่ะ”
อนงค์กับบวรมองหน้ากันงงๆที่แซลลี่แปลกไป
“เมื่อกี้ฉันผ่านร้านส้มตำข้างล่างเห็นคนเยอะเลย ท่าทางจะอร่อยแน่เลย อยากลงไปชิมดูมั้ย”
พอพูดถึงส้มตำอนงค์แอบเปรี้ยวปากเลย แต่ตัดใจ
“ไม่เป็นคะ พวกเราต้องอยู่เฝ้าคุณผู้ชาย”
“เอางี้เดี๋ยวฉันเฝ้าให้เอง คุณอาหลับแบบนี้คงอีกนานกว่าจะตื่น ไปกินกันเถอะฉันไม่รีบไปไหนฉันจะอยู่รอคุณเชตด้วย”
แล้วจู่ๆท้องของบวรก็ร้องดังขึ้นมา
ทุกคนหันมอง บวรอายทำท่าปฏิเสธไม่หิว
“น้าหิวใช่ไหม งั้นลงไปกินกันเถอะแป๊บเดียวเดี๋ยวมาเนอะ”
บวรใจอ่อนพยักหน้ารับ อนงค์หันบอกแซลลี่
“งั้นนงค์ ฝากคุณผู้ชายแป๊ปละกันนะ...ห้ามทิ้งคุณผู้ชายเด็ดขาดนะคะ”
แซลลี่ยิ้มให้
“จ้า...ฉันไม่ทิ้งแน่นอน กินส้มตำให้อร่อยนะ”
อนงค์กับบวรจึงออกไป แซลลี่รีบวิ่งไปเช็คความเรียบร้อย แล้วโทรบอกพายัพ
“มาได้เลยค่ะ”
แซลลี่ยืนหน้าห้องรอ พายัพใส่ที่ปิดปากกันเชื้อโรคเดินเข้ามาหา แซลลี่เปิดประตูให้เข้าไป แล้วเธอก็ยืนเฝ้าอยู่หน้าห้องกระสับกระส่าย...พายัพเข้ามาในห้องได้ถอดผ้าที่ปิดปากออกเดินเข้าไปหาพ่อที่นอนอยู่ อาทิตย์ลืมตาขึ้นมาเห็นพายัพก็ตกใจตาเหลือกด้วยความกลัว
“ไม่ต้องกลัวหรอกพ่อ ผมมาดีแค่จะขอลายมือพ่อเซ็นเอกสารบางฉบับเท่านั้นเองเองจะได้จบๆไป”
อาทิตย์อึกอักกลัว พายัพมองยิ้มเหยียดๆ
“ผมเป็นลูกรักของพ่อไง จำไม่ได้แล้วเหรอครับ”
อาทิตย์อึกอักทำอะไรไม่ได้
“ผมสร้างความยิ่งใหญ่ตามที่พ่อบอกแล้วไงครับ คำสั่งของพ่อมันดังก้องอยู่ในหัวผมทุกวันๆ”
พายัพหยิบเอกสารออกมาจากเสื้อ
“พ่อพร่ำบอกว่าผมเป็นลูกที่พ่อรัก แต่กับไอ้เชตที่พ่อบอกว่าเกลียดมันพ่อกับไม่เคยแตะต้องบังคับมันทำอะไรเลย”
พายัพมาจับมืออาทิตย์ เอาที่ปั๊มลายมือขึ้นมากดนิ้วพ่อปั๊มลงไป
“ผมทำให้พ่อมามากพอแล้วต่อไปนี้มันจะเป็นเวลาของผม ผมจะไปจากที่นี่ผมต้องใช้เงิน”
พายัพเอามืออาทิตย์ที่เปื้อนหมึกแล้วกดทับลงเอกสาร อาทิตย์ไม่มีทางปฏิเสธอะไรได้มีเพียงน้ำตาเท่านั้นที่หยดลงมาเพราะคิดไม่ถึงว่าลูกชายสุดที่รักจะเลวได้ถึงเพียงนี้
แซลลี่เฝ้ากระวนกระวาย เชตะวันกับเนตรอัปสรเดินมาเห็นพอดี
“นั่นแซลลี่นี่ มาทำอะไร”
เชตะวันมองตาม
“อืม...ใช่...คงมาเยี่ยมผมมั้ง...เขาคงคิดถึงผมน่ะ...หึงเหรอ”
เนตรอัปสรหน้าจริงจัง
“ฉันว่าไม่ได้มาเพราะคิดถึงคุณแน่ เมื่อคราวที่ฉันไปป่าเพื่อช่วยให้คุณฟื้น แซลลี่นี่แหละ
ที่เป็นคนขโมยกระดูกเกือบทำลายพิธีจนพังเพราะไม่อยากให้คุณฟื้นนะสิ”
เชตะวันคิดตาม ทั้งสองเดินไปใกล้ เชตะวันเข้าไปถาม
“แซลลี่ นี่คุณมาทำอะไรน่ะ”
แซลลี่หันเห็นตกใจ
“คุณเชต...เอ่อ...แซลลี่เปล่านะคะ...แซลลี่ไม่เกี่ยวนะคะ”
แซลลี่ทำอะไรไม่ถูกละล้าละลังมองไปในห้องมีพิรุธ สุดท้ายก็วิ่งหนีออกไปจากห้อง เชตะวันกับเนตรอัปสรมองตามแล้วรีบเข้าห้องอาทิตย์ไป
เชตะวันรีบเข้ามาดูเห็นอาทิตย์เหมือนจะขาดใจ เนตรอัปสรตามเข้ามาโดยไม่ทันเห็นว่าพายัพแอบอยู่หลังประตู อาทิตย์จะขาดใจน้ำตาไหลพยายามจะบอกอะไรแต่บอกไม่ได้เชตะวันเข้ามาดูอาทิตย์ที่ดูกลัวๆ
“พ่อเกิดอะไรขึ้นครับ พ่อเป็นอะไร แซลลี่เข้ามาทำอะไรพ่อ”
พายัพพยายามจะบอกแต่เสียงของพายัพดังมา
“ฉันเข้ามาเองแหละ”
เชตะวันหันขวับไปมอง เนตรอัปสรตกใจที่พายัพยืนอยู่ข้างหลัง เชตะวันตรงเข้าไปต่อยพายัพ
“แกทำอะไรพ่อ ไอ้คนชั่ว”
พายัพตั้งตัวได้
“ที่ฉันชั่วก็เพราะพ่อกับแกนั่นแหละรู้ไว้ซะด้วย”
เชตะวันเข้าไปต่อย พายัพต่อยกลับ เนตรอัปสรพยายามห้าม
“คุณเชตใจเย็นๆค่ะ...อย่ามีเรื่องกันเลยนะคะ”
พายัพได้โอกาสชกเชตะวันในทีเผลอ เชตะวันเลยสู้ สองคนสู้กันจนพายัพพลาดท่าจึงควักปืนออกมา เล็งที่เชตะวัน เนตรอัปสรตกใจมองปืน
“อะไรที่เป็นของมึงมันต้องตกเป็นของกูทุกอย่าง อย่าอยู่เลยมึง ไอ้เชต”
พายัพหน้าเหี้ยมไม่เหลือความเป็นพี่เป็นน้องให้เห็น
จบตอนที่ 24 |
|